เรื่องเล่าในลิฟท์แก้ว - เรื่องเล่าในลิฟท์แก้ว นิยาย เรื่องเล่าในลิฟท์แก้ว : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเล่าในลิฟท์แก้ว

    ประสบการณ์ขำๆ กับสถานะการณ์คับขัน ในระยะประชิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ผู้เข้าชมรวม

    386

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    386

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 56 / 11:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เนื่องจากออฟฟิศที่เราทำงานอยู่นนั้นตั้งอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้า แห่งหนึ่ง ย่านใจกลางเมือง และเย็นวันนี้ก็คงจะเป็นเหมือนทุกๆ วันถ้าไม่มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น เพราะมีเหตุให้ต้องลงมาซื้อกระเป๋าเดินทางสำหรับการเดินทางไกลในอีกสองเดือนข้างหน้า (แบบว่าบ่าเห่ออ่ะนะ) ที่ชั้น 1 หรือดวงสมพงษ์กันพอดิบพอดีที่ดลใจให้ลงมาซื้อของ ณ วันนี้ เวลานี้

    เมื่อซื้อเสร็จเราก็ต้องทำเนียนๆ ไปคือรีบเอากระเป๋าไปเก็บในรถ ซึ่งก็อีกเหมือนกันที่วันนี้เราก็ดันมาจอดชั้นใต้ดิน เก็บแล้วเราก็จะได้เดินตัวปลิวกลับออฟฟิศ แยบยลซะไม่มีอ่ะ จะว่าไปแล้วก็เป็นเวลาเลิกงานแล้วแหล่ะเพราะดูนาฬิกาที่ข้อมือ เป็นเวลา 17.34 น. ลิฟท์ด้านหลังห้างฯ ก็จะช้ามาก แน่นด้วย เราจึงเลือกลิฟท์แก้วด้านหน้าห้างฯ ดีกว่า เร็วกว่าด้วยเพราะลิฟท์แก้วนี้จะเปิดให้เฉพาะชั้น 1,4,5,6 คิดได้ดังนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปทางด้านหน้าห้างฯ ทันทีเพื่อรอลิฟท์แก้ว

    เมื่อมารอหน้าลิฟท์แก้ว รู้สึกดีใจมากที่มีคนรอลิฟท์อยู่แค่คนเดียว ระหว่างว่างๆ เราก็ใช้เวลาพิจารณาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ แน่นอนไม่พ้นคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเรา สังเกตุดูจากด้านหลังแล้วก็น่าเป็นสาวใหญ่แสนมั่นใจแน่ๆ เพราะจากการแต่งกายและทรงผมแล้วดูไม่แคร์สายตาใคร ซึ่งจริงๆ ก็เรื่องปกติของคนที่มาเดินห้างฯ ย่านนี้ และเป็นต่างชาติเสียวส่วนใหญ่ ผมของคุณเธอก็ปล่อยสยายแผ่เต็มหลัง แต่ที่สะดุดตาก็คือสีผมที่เป็นสีเงินแซมดำนิดๆ ทั้งหัว หรือเรียกอีกอย่างว่าหงอกนั่นเองหุหุ ^ ^+ มั่นใจสุดๆ

    มองเรื่อยลงมาที่เสื้อแขนยาว ตัวสั้นสีดำ แบบสไตล์โคเรียน เหมือนฮันจีอุนในละครเกาหลีเรื่อง Full House เลยทีเดียว ช่วงล่างพันผ้าเหมือนผ้าชายหาด สีครีมมีลวดลายสีดำ สไตล์การแต่งตัวดูแปลกๆ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคนต่างชาติ มากกว่าคนไทย ไล่ลงมาถึงรองเท้าที่สวมก็เป็นรองเท้าบูทสีดำครึ่งน่อง ในตอนนั้นคิดว่าต่างชาติแน่ๆ เพราะคนไทยคงไม่ใส่รองเท้าบูธขนาดนี้ บ้านเราเมืองร้อน รอไม่นานลิฟท์ก็ลงมาที่ชั้น 1 พอเปิดออกมีผู้โดยสารลงมาด้วย 1 คเป็นแม่บ้านที่บริษัทฯ ที่เราทำงานอยู่นั่นเอง เราก็ส่งยิ้มให้กันนิดนึงเป็นการทักทาย หลังจากนั้นสาวนางนั้นก็เดินเข้าลิฟท์ไปเธอกดชั้น 4 เราก็กดชั้น 5

    แต่เอ๊ะ! หางตามองเห็นแว๊บๆ อั้ยย่ะ! ไม่ใช่สาวง่ะ หนวดเฟิ้มเลย ใส่แว่นตากลมๆ สีเทาอ่อนๆ สัญชาตญาณเริ่มบอกว่าไม่ชอบมาพากลซะแล้ว เพราะชายในชุดหญิงเริ่มเอนตัวไปด้านหลังจนติดส่วนที่เป็นกระจกของลิฟท์แก้ว แล้วก็เอากระดาษซึ่งก็คงจะเป็นใบปลิวที่ได้รับแจกมาจากแถวๆ หน้่าห้าง ยกขึ้นมาปิดปากไว้แล้วก็เอนตัวไปด้านหลังอีกนิด พร้อมส่งสายตายิ้มมองมาที่เรา อะฮ้า! เอาแล้วไง

    เขาทำท่าเหมือนเจอคนรู้จักอะไรประมาณนั้น มองขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งเราก็พยายามทำเป็นไม่สนใจหรือหันไปมอง แต่ก็คอยสังเกตุพฤติกรรมเขาผ่านทางหางตาอยู่ตลอดว่าเขาแสดงกิริยาอะไรบ้าง ขณะที่ลิฟท์เริ่มเคลื่อนผ่านชั้นสองเขาก็พุ่งคำทักทายพร้อมแสดงท่าทางเหมือนคุณตา(ปัญญา นิรันดร์กุล) ใช้ในเกมโชว์คือชี้นิ้วชี้มาข้างหน้าแต่แทนที่จะเป็นคำว่า "ถูกๆๆๆ ต้องแล้วคร้าบบบบ" กลับเป็นคำว่า"แฮปปี้นิวเยียร์!"  หึหึ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า เราก็ช็อคไปเหมือนกัน เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอระยะประชิดขนาดนี้ สมองสั่งการได้แค่ทำสัญลักษณ์มือโอเค ให้ชายคนนี้พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ จนลั่นลิฟท์ชนิดไม่ต้องเหนียมเป็นกุลสตรีมันแล้ว หัวเราะให้กับโชคชะตา หัวเราะให้กับการติดอยู่ในลิฟท์กับคนบ้าสองต่อสองหรือเนี่ย ดูซิใครจะบ้ากว่ากัน หลังจาหห่างหายการพบเจอคนประเภทนี้มานาน ปกติเราจะมีฉายาในกลุ่มเพื่อนๆ ว่าขวัญใจคนบ้า! เพราะจะมีแรงดึงดูดคนแบบนี้ให้เข้ามาหาตลอดๆ แห่ะแห่ะ!!

    ไม่เขาไม่หยุดแค่นั้นเขาเห็นเราหัวเราะก็เลยสนุกใหญ่ คิดว่าเจอแล้วพวกเดียวกันแหงมๆ กรรม! เลยที่นี่เขาก็เลยต่อด้วยคำว่า "แฮปปี้เน็กซ์เยียร์" 555 โอย! บ้าแน่นอน เราก็เลยหัวเราะต่อให้กับความบ้าบอที่ต้องมาเจอคนบ้าในระยะประชิดเกิดมาไม่เคยเลยติดอยู่ในที่แคบ ลิฟท์ที่ว่าเร็วรู้สึกเหมือนช้าไปเป็นชั่วโมงเลย ขณะที่หัวเราะไปนั้นขาก็เริ่มสั่นแล้ว ในใจคิดว่าทำไมยังไม่ถึงชั้น 4 อีกพอลิฟท์เปิดพร้อมกับแสดงเลขชั้น 4 ในตอนนั้นคิดสารพัดว่าเอาไงดี เขาจะออกไปไหมอ่ะ ถ้าเขาไม่ออกแราก็ต้องรีบออกแล้ว  หรือจะตามเราไปชั้น 5 ไม่นะแค่นี้ก็แย่แล้ว และแล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับหันมาทิ้งท้ายพร้อมหัวเราะไปกับเราด้วยคำว่า"สบายดีนะครับ" เท่านั้นเราก็คิดอะไรไม่ออกแล้วได้แต่ยกมือโอเคๆ พร้อมรีบกดลิฟท์ให้ประตูปิดลงเร็วๆ พลางคิดในใจ 'ตูเริ่มไม่สบายตั้งแต่เจอคุณพี่นี่แหล่ะ...ฟิ่ววววว บ๊ายบาย' อย่าเจอกันอีกเลย หลังจากนั้นไม่นานน้องที่ทำบริษัทฯ เดียวกันก็ได้เจอพี่เขาอย่างเป็นทางการ หลังจากได้รู้จักจากคำบอกเล่าของเราแล้ว 555  C U


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×